หลายคนอาจจะได้ยินมาหลายที่หลายทางในเรื่องของชาในถ้วย ที่นิยมคงไม่พ้นมาจากที่ท่าน พุทธทาส ภิกขุ เป็นผู้เล่าเรื่องราวที่สนุกให้ขบคิดรวมถึงให้ธรรมะและแนวความคิดไปในตัว
ระหว่างคุยกับเพื่อนที่แวะมาเยี่ยมเยียนกันที่บริษัท ผมก็อดไม่ได้ที่จะหยิบชาที่ซื้อมาจากไต้หวัน พร้อมขนมยอดนิยมไส้สับปะรด หวานชุ่มคอพอกินแกล้มชากลมกล่อม ได้อย่างอร่อยพอได้อรรถรสในการสนทนา แล้วก็ทำให้กระผมนั้นอดนึกถึงนิทานเซ็น ที่เพิ่งจะอ่านจบลงไปได้เมื่อครู่ เรื่องของชาล้นถ้วย
เนื้อเรื่องนิทานเรื่องนี้เล่าขึ้นในฉากที่มี อาจารย์เซนท่านนึง คือท่าน น่ำอิน และศาสตราจารย์มหาวิทยาลัยชื่อดังท่านนึง มานั่งจิบน้ำชา สนทนาธรรมกัน ในการต้อนรับ ท่านน่ำอิน กำลังรินชา ช้าๆ……..จนชาล้นออกมา ท่านศาสตราจารย์ จึงทักขึ้น….. อย่ามีอารมณ์
“ท่านจะเทชาในถ้วยนี้ไปถึงไหนกัน”
ท่านน่ำอินจึงตอบกลับ
“ก็เหมือนกับท่านเองนั่นแหละ อาตมาจะรินลงได้อย่างไร ในเมื่อตัวท่านเองก็เต็มอยู่แล้ว”
ผมคุยกับเพื่อนเรื่องนี้ จำลองการสนทนาธรรมครั้งนั้น ตรงกับที่แนะนำกันเสมอว่า เวลาที่เราไปเจอคนคนเก่งๆ เขามักจะบอกเสมอว่าจริงแล้วเขาไม่เก่งอะไรเลย ยังต้องเรียนรู้อีกเยอะ จงเป็นแก้วที่ว่าง นี่ก็เป็นอิทธิพลจากนิทานเซนเรื่องนี้
เหมือนกับที่พนักงานของ Oni เอง ผมบอกทุกคนเสมอว่า อย่าไปทำตัวรู้ดี เก่ง กว่าคนอื่น โดยเฉพาะลูกค้า จงเป็นถ้วยชาที่ว่างเสมอลูกค้าควรได้ประโยชน์ จากความรู้ของเรา ไม่ใช่ความอวดรู้ ให้ลูกค้าบอกความต้องการ แล้วเราจะสามารถดูแลเขาได้ตรงจุดมุ่งหมาย อย่างเป็นมิตรที่แนะนำ เรื่องที่เราใส่ใจเขาอย่างจริงใจ
ใจของท่านล่ะครับเต็มหรือยัง ถ้ามันล้นท่านจะไม่มีทางรับอะไรใหม่ๆ เข้าไปได้เลย เปิดใจและปลดปล่อยความเต็มท่านจะค้นพบว่า จริงๆ แล้วท่านอาจจะไม่รู้อะไรเลยก็ได้ งงมั้ยครับ ถ้างงนิดๆ ท่านกำลังจะเข้าใจมันครับ
หากเปรียบเทียบนิทานเซ็นเรื่องนี้แล้วละก็น่าจะเข้ากับสุภาษิตสำนวนไทยว่าจงอย่าทำตัวเป็นน้ำเต็มแก้ว เพราะการเรียนรู้ไม่มีวันที่จะจบสิ้น เช่นเดียวกับการทำงาน ความรู้ ความชำนาญต่างๆ ใช่ว่าเราจะเป็นทุกด้านพร้อม ดังนั้นคนเราควรเติมเต็มในสิ่งที่ควรรู้ไว้มากๆ
ประวัติย่อนิทานเซ็นชาในถ้วย
เซ็น(ZEN) เป็นพุทธศาสนานิกายหนึ่งในประเทศญี่ปุ่นที่น่าสนใจ เพราะเขามีหลักในการสร้างความเห็นแจ้ง(ดวงตาเห็นธรรม)ที่ลัดตรง คืออาศัยการเพ่งพิจารณาปริศนาธรรมต่างๆ(โกอาน)อย่างจริงจัง จนเกิดความเข้าใจและเห็นแจ้งขึ้นมา ซึ่งก็คือการปฏิบัติศีล สมาธิ และปัญญาอย่างรวบลัด ตามหลักมรรคมีองค์ ๘ ของอริยสัจ ๔ ของเรานี่เอง และเขาก็มีเรื่องเล่าไว้เป็นนิทานที่น่าสนใจไว้มากมาย จึงควรที่เราจะสนใจนำมาศึกษาประกอบกับการศึกษาพุทธศาสนาของเราบ้าง เพื่อว่าบางทีอาจจะถูกกับจริตของเราเข้าบ้างก็ได้
(คัดลอกจากหนังสือ”นิทานเซ็น” เล่าโดยท่านพุทธทาสภิกขุ แห่งสวนโมกขพลาราม และจากหนังสือ “เล่านิทานเซ็น” เล่าโดย อ.อภิปัญโญ ภาพฝีภู่กันโดยเขมานันทะ ของธรรมสภา)
You must be logged in to post a comment.